แบรนด์หรู LVMH จับมือ Dow พัฒนาบรรจุภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องสำอางแบบยั่งยืน

 17 พฤษภาคม 2566 – โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (แอลวีเอ็มเอช) ผู้ผลิตสินค้าหรูระดับโลกกว่า 75 แบรนด์ดัง เช่น หลุยส์ วิตตอง คริสเตียน ดิออร์ บุลการี เฟนดิ จิวองชี่ ฯลฯ ผนึกกำลังกับ Dow บริษัทชั้นนำของโลกด้านวัสดุศาสตร์ เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนสำหรับน้ำหอมและเครื่องสำอางภายใต้ LVMH Beauty มุ่งนำพลาสติกชีวภาพและพลาสติกรีไซเคิลมาใช้ โดยยังคงประสิทธิภาพฟังก์ชั่นการใช้งานและคุณภาพที่ดีดังเดิม เตรียมวางตลาดภายในปีนี้

พลาสติกชีวภาพและพลาสติกรีไซเคิลจะถูกนำมาใช้ผลิตเป็น SURLYN™ Ionomers ซึ่งเป็นโพลีเมอร์นวัตกรรมใหม่ของ Dow ที่นิยมใช้เป็นฝาน้ำหอมและขวดครีมเครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยม โดยภายในปี พ.ศ. 2566 การผลิตบรรจุภัณฑ์น้ำหอมบางส่วนของ LVMH จะเริ่มใช้วัสดุทั้งแบบผลิตจากวัสดุธรรมชาติและแบบรีไซเคิล ทั้งนี้ นวัตกรรมโพลีเมอร์ SURLYN™ จากวัสดุที่ยั่งยืนนี้จะให้ความใสสวยงามเหมือนคริสตัลและมอบอิสระในการออกแบบเช่นเดียวกันกับโพลีเมอร์ SURLYN™ ชนิดอื่นๆ โดยมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ต่ำลง

โคล้ด มาร์ติเนซ ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการของ LVMH Beauty กล่าวว่า “จากแผนการดำเนินงานใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม (Life 360) ของ LVMH เราได้ตัดสินใจว่าในอนาคต LVMH Beauty จะเลิกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากเม็ดพลาสติกใหม่ที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม เราจึงร่วมมือกับ Dow พัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ด้วยนวัตกรรม SURLYN™ โดยเริ่มจากน้ำหอม GUERLAIN La Petite Robe Noire ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา การเปลี่ยนมาใช้นวัตกรรมที่ยั่งยืนนี้จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยไม่ส่งผลกระทบกับคุณภาพ”

คาเรน เอส. คาร์เตอร์ ประธานฝ่ายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษของ Dow กล่าวว่า “การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทุกฝ่ายตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและยกระดับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในส่วนของ Dow เรามีความยินดีและพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์ชั้นนำระดับโลกเพื่อก้าวสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนไปด้วยกัน”

 โพลีเมอร์ SURLYN™ ชนิดชีวภาพผลิตจากวัสดุเหลือใช้ โดยหนึ่งในวัตถุดิบตั้งต้นคือน้ำมันปรุงอาหารที่ผ่านการใช้งานแล้ว เนื่องจาก Dow มุ่งเน้นการนำของเหลือใช้หรือผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตสินค้าอื่นๆ มาใช้ประโยชน์ จึงไม่ได้เป็นการดึงทรัพยากรใหม่มาใช้เพิ่มเติม และไม่เบียดเบียนวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตอาหารแต่อย่างใด

สำหรับโพลีเมอร์ “SURLYN™” ชนิดที่ผลิตจากพลาสติกใช้แล้ว Dow ได้ใช้เทคโนโลยีการรีไซเคิลขั้นสูงทำให้พลาสติกแตกตัวออกเป็นองค์ประกอบทางเคมีพื้นฐานโดยใช้ความร้อนและแรงดัน เกิดเป็นวัตถุดิบใหม่ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับการผลิตจากน้ำมันดิบแบบดั้งเดิม สามารถนำมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ได้หลากหลาย อีกทั้งยังช่วยคืนคุณค่าให้ขยะที่กำลังจะถูกนำไปฝังกลบหรือเผาทำลายกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ได้

ความร่วมมือระหว่าง Dow กับ LVMH เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Dow ในการเปลี่ยนขยะและวัตถุดิบทางเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ตามเป้าหมาย Transform the Waste โดย Dow มุ่งมั่นจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและพันธมิตรจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อก้าวผ่านความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมความงามของ Dow เพิ่มเติมได้ที่ https://www.dow.com/en-us/market/mkt-packaging/sub-package-cosmetic-packaging.html

###

เกี่ยวกับ ‘ดาว’

Dow (ดาว) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกซึ่งพัฒนาและผลิตวัสดุชนิดต่าง ๆ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลกด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รวมทั้งการดำเนินงานที่เป็นเลิศด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล Dow มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทด้านวัสดุศาสตร์ (Materials science) ชั้นนำของโลกในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และให้การยอมรับบุคคลากรที่มีความหลากหลาย กลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางวิทยาศาสตร์ของ Dow ได้แก่ พลาสติกชนิดต่างๆ เคมีภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรม สารเคลือบผิว และซิลิโคน เน้นสร้างความแตกต่างเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการเติบโตสูง เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ การก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น ปัจจุบัน Dow มีฐานการผลิตใน 31 ประเทศ และมีพนักงานประมาณ 37,800 คน โดยมียอดขายในปี พ.ศ. 2565 ประมาณ 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท) สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dow.com หรือติดตามทวิตเตอร์ @DowNewsroom 

เกี่ยวกับ ‘กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย’

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow Thailand Group) เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 และได้ร่วมกับบริษัท เอสซีจี ก่อตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจี-ดาว ในปี พ.ศ. 2530 (ในปี 2565 เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้รีแบรนด์เป็น เอสซีจีซี) โดยในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ประกอบด้วยบริษัทซึ่ง Dow เป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว และกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจีซี-ดาว นอกจากนี้ ยังมีบริษัทร่วมทุนระหว่าง Dow และ โซลเวย์ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ ดาว ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยมีโรงงานหลายแห่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ตลาดหลักของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยได้แก่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และยานยนต์ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ที่ https://www.dowfamilythailand.com/th/about_us.php หรือติดตามเฟซบุ๊ก www.facebook.com/DowThailandGroup/

Advertisement